"ย่ำยาม" และ "ทุ่มโมง"
ความยาวประมาณ 10-15 นาที

เรื่องย่อ : บรรยากาศในวิถีชนบท ยาย และหลานๆ กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้นน้องชายตัวเล็กก็เจอหนังสือเล่มหนึ่งในตู้ใบเก่า

ทันใดที่ยายเปิดหนังสือ เด็กๆก็ได้เข้าไปสู่โลกนิทานของคุณยาย พร้อมกระรอกน้อยพูดได้ ที่จะำพาเด็กๆไปเรียนรู้ความหมายของคำว่า "ย่ำยาม" และ "ทุ่มโมง"

 

ตัวอย่างตัวละคร


 

ตัวอย่างการ์ตูน

ภาพ

เสียงพากย์  – บรรยาย

ภาพบ้านในต่างจังหวัด

ผีเสื้อบินเกาะดอกไม้

 

 

 

 

 

 

 

 

จิ้บๆ นกร้อง

 

 

ภาพเด็กๆช่วยกันทำงานบ้าน

 - น้องชายกวาดบ้าน

- พี่สาวปัดฝุ่นตู้เก็บเก็บหนังสือ

 

ลัล ลาลา หล่า ลา ล้า...(เด็กๆ ฮัมเพลง)

ภาพคุณยายกำลังไหว้พระ

และมานั่งตรงแคร่ใต้ต้นไม้

-           สาวน้อยยื่นแก้วน้ำให้ยาย

เด็กหญิง – น้ำค่ะคุณยาย

ยาย – ขอบใจจ้ะ

 

 

คุณยายปัดฝุ่น

น้องชายตัวเล็ก –คุณยายนี่มันหนังสืออะไรกันครับเก่าเชียว

ยาย - ใหนดูซิจ๊ะ นี่หนังสือนิทานโบราณคดีนี่นา

พี่สาว - เอ๋ หมายถึงนิทานเก่าที่เป็นบันทึกเรื่องราวตั้งแต่อดีตกาลใช่มั้นค่ะคุณยาย
หลานชาย - คร่อกๆ *แกล้งหลับ

หลานสาว - นี่แนะ ป๊งเหน่ง(เสียงเขกหัว) ...จะบอกว่านิทานคุณยายเก่าเล่าใหม่ฟังจนหลับล่ะสิ

น้องชาย - แหมผมแค่ล้อเล่นเอง

ยาย - 555 แหมเอาอย่างนี้ คราวนี้ยายมีอะไรให้หลานๆ ตกใจเล่นๆ กันจ๊ะ

 

  ทันใดยายเปิดหน้าหนังสือ* ลำแสงให้กระรอกออกมา

แว้บ....

สวัสดีจ๊ะคุณยาย ..สวัสดีเด็กน้อยทั้งสอง..ฮิฮิ

พี่สาวและน้องชาย : กระรอกพูดได้..ว้าวววว

ยาย - สวัีสดีพ่อกระรอกน้อย วันนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้วนะ เด็กๆช่วยงานบ้านขยันขันแข็ง วันนี้จะเล่านิทานให้ฟังเฉยๆก็คงจะเบื่อ ก็เลยจะให้พี่กระรอกผู้รอบรู้อย่างเจ้าช่วยพาเด็กๆ ไปผจญภัยสักหน่อย

เด็กๆ - ว้าวได้ผจญด้วยเหรอ

เด็กชาย- ว่าแต่ไปกับกระรอกแบบนี้จะหลงทางมั้ยนั่น

กระรอก- หนอยแนะ รับรองว่าพี่กระรอกจะพาน้องๆสนุก พร้อมได้ความรู้ด้วยล่ะ

อิอิ..งั้นไปกันเล้ยยยย..

 


ยายยกหนังสือ - วิ้งๆแสง ประหลาดดูดเด็กๆเข้าไปในหนังสือ...เด็กๆหลับตา

วิ้งงงงง เสียงเอฟเฟค

เมื่อลืมตาขึ้น

เด็ก - โอ้โหที่นี่ที่ใหนเนี่ย
กระรอก - ที่นี่คือเมืองพาราณสี ยุคสมัย ตั้งแต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในหนังสือ   “นิทานโบราณคดี

เด็กชาย- แปลว่าเราเข้ามาในหนังสืออย่างนั้นเหรอครับ พี่กระรอก
พี่สาว- จะพูดอย่างนั้นก็ได้ คุณยายใช้เวทย์มนต์ให้เรามาดูประวัติศาสตร์บางอย่างในบทประพันธ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นั่นเอง

กระรอก- เก่งมากเลยจ๊ะ อย่างนี้แล้วทุกคนต้องไม่เสียงดังและซุกซนนะเดี๋ยวประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงได้
พี่สาว- ได้เลยค่ะ
เด็กชาย- ค้าบบบ....

เสียงฆ้องตี

โหม่งๆ...

เด็กชาย - นั่นเสียงอะไรหนะ
เด็กหญิง- เสียงก้องกังวาลดังมาแต่ไกลเชียว
กระรอก - ไปดูกันเลย

หน้าประตูวัง

เด็กๆ- โอ้โหนี่เองที่มาของเสียงกังวาลนั่น
กระรอก- นี่คือฆ้องโหน่ง นั่นเอง..
พี่สาว- แล้วเค้าตีฆ้องนี่ทำไมเหรอค่ะพี่กระรอก
กระรอก- การตีฆ้องโหน่งในเมืองพาราณสีนั้นเป็นการตีบอกเวลาจ๊ะ
เด็กๆ - ตีฆ้องบอกเวลา...
กระรอก- ใช่แล้ว..เหมือนที่เมืองไทยเวลาตอนเช้าจะตีตอน 6 โมงเช้า หรือ 6 นาฬิกา ตีอีกทีก้อตอรเที่ยง 12 นาฬิกา ส่วนเวลาค่ำ 6 โมงเย็น หรือ 18 นาฬิกา และอีกทีก็ตอนกลางคืน 3 ทุ่มหรือ 21 นาฬิกา และเวลาเที่ยงคืน 24 นาฬิกา และก็เวลา ตี3 หรือ 3 นาฬิกา ก็ตีย่ำ คล้ายกับที่เราได้ยินที่เมืองพาราณสีนี่เอง

โหม่งๆ...โหม่งๆ...โหม่งๆ...โหม่งๆ...โหม่งๆ...

เด็กชาย-นั่นๆ แล้วเค้าตีย่ำๆ หลายครั้งนี่มันคือสัญญาณอะไรกันพี่กระรอก
กระรอก- การตีฆ้องย่ำเป็นสัญญาณบอกคนมาเปลี่ยนเพื่อเฝ้ายามยังไงหล่ะ
เด็กหญิง- อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ตีย่ำ จะได้ยิน เผื่อนอนหลับอยู่จะได้ตื่น และรีบมาให้ทันตามจังหวะโหม่งๆ นะเอง
กระรอก- ฉลาดมากเลยจ๊ะ
เด็กชาย- แหม..ชมกันเชียวนะเค้าก็รู้หรอกแค่ไม่พูดเฉยๆ
เด็กหญิงและกระรอก- 555 หัวเราๆ

เด็กหญิง-หนูเห็นคุณยายเรียกตอนเช้าว่าย่ำรุ่ง จะเป็นความหมายเดียวกับการตีฆ้องตีระฆังมั้ยค่ะพี่กระรอก
กระรอก- การเรียกเวลาเช้า 6 นาฬิกาว่าย่ำรุ่ง นั่นก็เป็นการใช้คำที่เป็นที่มาจากการตีฆ้องย่ำเช่นกันจ๊ะ
เด็กหญิง- อย่างนี้นี่เอง

 

เด็กชาย-ตอนที่อยู่กรุ่งเทพ ผมได้ยินเสียงตีฆ้องตีระฆัง และมีเสียงเครื่องดนตรีอื่นได้วยนะครับ
กระรอก- ช่างสังเกตุและจดจำได้ดีเลยครับ นั่นเป็นพิธีกรรมพระบรมศพ หรือพระศพของเจ้านายตลอดจนถึงขุนนางผู้ใหญ่จ๊ะ นอกจากจะมีการตีฆ้องตีระฆังเหมือนที่เราได้ยินแล้ว จะมีคนเป่าแตรวง และเป่าปี่ มโหรทึก ประโคมอยู่พักหนึ่ง และจะมีการการตีกลองชนะประโคมกลองชนะตรงกับย่ำฆ้องระฆังทั้งตอนกลางวันและกลางคืนเลยหล่ะจ๊ะ

เด็กชายและเด็กหญิง- อ๋ออย่างนี้นี่เอง

ทหารเดินผ่านมา

เจอกระรอกและวิ่งตาม

ทหาร- อ้าวนั่นกระรอกนี่..มาได้ยังไง
กระรอก-แย่แล้ว ลืมตัวไป
ควับ....เสียงแหวกพุ่มหญ้า
กระรอก-เด็กๆทางนี้
เด็กๆ- พี่กระรอกเกิดอะไรขึ้น

ทหาร 2 นาย - นั่นๆวิ่งตามอะไร

ทหาร 1 - กระรอก ๆแน่ๆ
กระรอก- ตามพี่กระรอกมา..
ซวบๆๆๆ.

กระรอกและเด็กๆ ตกลงไปในหลุมมืด.......แว้บบบบบ
กระรอกและเด็กๆ- ว้ากๆๆๆ ช่วยด้วย...ยยยย...ย.
ทหาร- ใหนล่ะกระรอกเจ้านี่มันแมวเจ้านายนี่

ทหาร1- อืม สงสัยข้าตาฝาด

ทหาร - รีบกลับไปนอนเถอะ เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนยามผลักต่อไปนะ

เด็กๆกระรอก ออกมาจากหนังสือ

วิ้งงงง.ง.ง.ง.งงง..

ยาย- ลืมตาได้แล้วจ๊ะทุกๆคน
เด็กๆ- นึกว่าจะโดนทหารจับตัวไปซะแล้วสิ..
กระรอก-แฮ่ๆ ขออภัยด้วยจ๊ะยาย ข้าเผลอเล่าเพลิน จนเกือบโดนทหารจับตัวได้แหนะ
เด็กชาย - พี่กระรอกล่ะก็นึกว่าผมจะซุ่มซ่ามที่สุดแล้วนะเนี่ย ผมว่าจะเดินชมรอบเมืองพาราณสีซะหน่อย
กระรอก- แฮะๆ ขอโทษที
พี่สาว - แหมได้ทีเชียวนะ
ยาย - คราหน้าก็เตรียมเสื้อผ้า ให้ไม่เป็นที่สังเกตุสิจะได้ไม่มีคนสงสัย

เด็ก- 555 ครับคุณยาย

ยาย-เป็นยังไงกันบ้างสนุกมั้ยหล่ะ

พี่สาว- สนุกค่ะคุณยายพี่กระรอกให้ความรู้เยอะเลย ได้ไปเที่ยวสถานที่จริงแล้วยังได้ความรู้อีก คราวหน้าอยากไปอีกจังเลยค่ะ
กระรอก- ไว้คราวหน้าพี่กระรอกขอแก้ตัวใหม่ 555

เด็กชาย- ว่าแต่คุณยายครับเวลาตีกลองบางทีผมก็ได้ยินเสียง ตุ้ม บางทีก้อได้ยินเสียง โหม่ง มันต่างกันยังไงหรอครับ ว่าจะถามพี่กระรอกพอดีเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน

 

ยายกางหนังสือเปิดอ่าน

 

ยาย –จริงๆแล้ว คำว่า ทุ่ม เป็นคำที่เรียกช่วงเวลากลางคืนและ โมงใช้เรียกเวลากลางวัน

 

ในหนังสืนิทานโบราณคดีของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ตอนหนึ่งว่า

          “จะเลยเล่าแถมถึงประเพณีตีบอกเวลาในเมืองพม่า ซึ่งฉันได้ไปรู้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ต่อไป เพราะได้เค้าที่เหมือนกับไทยอีกอย่างหนึ่ง ที่ในพระราชวังเมืองมัณฑะเล มีหอนาฬิกาหลังหนึ่ง เป็นหอสูง ข้างล่างมีห้องสำหรับไว้นาฬิกา ข้างบนเป็นหอโถง สำหรับแขวนกลองกับฆ้องตีบอกเวลา เขาว่าเคยมีหอเช่นนั้นทุกราชธานี ในเมืองพม่าแต่ก่อนมาฉันถามว่า ฆ้องกับกลองที่แขวนไว้บนหอนั้นตีต่างกันอย่างไร ไม่มีใครบอกอธิบายได้ เพราะเลิกราชประเพณีพม่ามาเสียหลายสิบปีแล้ว ฉันนึกจับหลักได้ ฆ้องสำหรับตีกลางวัน กลองสำหรับตีกลางคืน หลักนั้นอยู่ในคำพูดของคนไทยเราเอง ที่เรียกเวลากลางวันว่า โมงเช่นว่า ๔ โมง ๕ โมง แต่ตอนเวลากลางคืนเรียกว่า ทุ่มเช่นว่า ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม คำ โมง กับ ทุ่ม มาแต่เสียงฆ้องและกลองนั่นเอง ในเมืองไทยแต่โบราณก็เห็นจะใช้ฆ้องและกลองตีบอกเวลาอย่างเดียวกันกับในเมืองพม่า

 

 

 

ภาพ

เสียงพากย์  – บรรยาย

ยายเล่าต่อ

เด็กๆตั้งใจฟัง

หลานสาว – อย่างนี้นี่เอง คำว่า ทุ่ม นี่มาจากเสียง ตีกลอง  และ โมง มาจากเสียงตีฆ้อง ..ได้ความรู้อีกแล้วค่ะคุณยาย

ยาย – ถูกแล้วจ๊ะ

กระรอก – การตีฆ้องบอกเวลาที่เมืองไทยก็คล้ายกับเมืองพาราณสี การย่ำฆ้องเป็นสัญญาณเปลี่ยนคนมาเฝ้ายาม และที่เมืองไทย การย้ำฆ้องและแตรวงประโคมกับกลองชนะเป็นอีกหนึ่งีพิธีกรรมพระบรมศพ หรือพระศพของเจ้านายตลอดจนถึงขุนนางผู้ใหญ่

 

ยาย – เก่งมาจ๊ะ ทุกๆคน

หลานชาย – คร่อกกก....ฟี้........ๆ

 ภาพยายคุยกันหลานสาว

หลานชายนอนหลับ

  ยาย –  ปลุกตัวเล็กไปอาบน้ำก่อนกินข้าวกัน
หลานสาว – หนูเอาหนังสือไปเก็บให้คุณยายก่อนนะค่ะเดี๋ยวมาปลุกตัวเล็ก

  กระรอก-งั้นชั้นไปก่อนนะจ๊ะยาย

ยาย-ขอบใจเจ้ากระรอกอีกครั้งนะ

 

ยายกางหนังสือเจ้ากระรอกวิ่งเป็นแสงเข้าไปในหนังสือ

 

---แว้บบบบ----เสียงกระรอกเข้าไปในหนังสือ
ยาย-อ้าวนิทานจบแล้วไปกันเถอะจ๊ะ

สาวน้อย- จ๊ะยาย

ภาพหลานชายลุกขึ้นเต้นทำท่าทางตลก ตีฆ้อง ตีกลอง

หลานชาย – ตุ้ม โหม่ง ๆๆ ทุ่มโม๊งๆๆๆๆๆ

ภาพยายหลานหัวเราะสนาน

พี่สาว – อะไรกันนึกว่าหลับซะอีก

น้องชาย –  แหมก้อแอบงีบแป้บเดียวตอนจะเอาหนังสือไปเก็บนี่หล่ะ..ฮะฮะ..

พี่สาว – แหมๆ แบบนี้คราหน้าให้ทำงานบ้านเพิ่มอีก 2 เท่าเลยดีมั้ย

ยาย – เอาเถอะ เดี๋ยวคราหน้าคราวหลัง ยายจะเล่านิทานให้ฟังใหม่นะจ๊ะเด็กๆ

หลานๆ – เย้ๆ

หลานชาย – ตุ้ม โหม่ง ๆๆ ทุ่มโม๊งๆๆๆๆๆ

5555  …

ภาพควันหมอกจากห้องครัว..หลังคาบ้าน มีนกกำลังเข้ารัง และ อาทตย์คล้อยตก...

*เสียงหัวเราะสนุกสนานยังคงอยู่